วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โครงสร้างผนังลำตัวของพยาธิตัวกลม (Body wall)

ผนังลำตัวของหนอนพยาธิตัวกลมประกอบด้วย cuticle, hypodermis และกล้ามเนื้อ (musculature)
Cuticle เป็นผิวนอกสุดที่ปกคลุมลำตัวพยาธิทั้งระยะตัวอ่อน และตัวเต็มวัย โดยเป็นสารที่หลั่งออกมาจากชั้น hypodermis ประกอบด้วย collagen เป็นส่วนใหญ่ มีเอ็นไซม์ คาร์โบไฮเดรต และไลปิดบ้างเป็นส่วนน้อย Cuticle บางชนิดเรียบ บางชนิดเป็นลายขวาง บางชนิดเป็นปุ่มนูน และบางชนิดเจริญดัดแปลงเป็นหนามเล็กๆ (spine)
    ในพยาธิบางชนิด cuticle ใน buccal capsule ยังอาจพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปเป็นอวัยวะที่ใช้ในการกัด เช่น ฟันตัด (cutting plate) ในพยาธิ Necator americanus และฟันเขี้ยว (tooth) ในพยาธิ Ancylostoma duodenale เป็นต้น
    การแผ่ยื่นของ cuticle ออกไปมีลักษณะคล้ายครีบเล็กๆ เรียกว่า alae ในพยาธิบางชนิด ได้แก่ Enterobius vermicularis พบว่า cuticle บริเวณ ส่วนหัวมีการแผ่ยื่นออกทางด้านหน้าและหลังของลำตัว (dorso-ventral expansion) มีลักษณะเป็นครีบบาง ๆ สั้นอยู่แค่ระดับช่องปาก เรียกว่า cephalic alae
    ตัวผู้ของพยาธิบางชนิดจะมีการแผ่ยื่นของ cuticle ที่บริเวณส่วนท้ายสุดของลำตัวเป็นแผ่นเยื่อบาง ๆ มีลักษณะคล้ายร่ม เรียกว่า เบอร์ซา (bursa) โดย cuticle ภายในนูนหนาขึ้น มีลักษณะเป็นแกนเพื่อเป็นโครงพยุงเบอร์ซา เรียกว่า bursal ray
    นอกจากนี้ cuticle ยังพัฒนาและเจริญเป็น spicule, gubernaculum และ telemon ซึ่งเป็นอวัยวะช่วยในการผสมพันธุ์ที่พบเฉพาะในพยาธิตัวกลมตัวผู้
    Hypodermis (subcuticle) เป็นชั้นที่อยู่ถัดเข้ามาจาก cuticle จัดเรียงตัวเป็น 4 กลุ่มอยู่ที่ด้านท้องด้านหลัง และด้านข้างของตัวพยาธิ เรียกว่า ventral cord, dorsal cord และ lateral cord ตามลำดับ
    กล้ามเนื้อ (musculature) ของพยาธิตัวกลมเป็นกล้ามเนื้อที่ทอดยาวไปตามความยาวลำตัว ไม่มีกล้ามเนื้อในแนวขวาง เมื่อมีการเคลื่อนที่จึงดูคล้ายการเลื้อยของงู
ช่องว่างในลำตัว (body cavity) ไม่มีเยื่อบุผนัง (no mesoythelial lining) จึงเรียกว่าเป็น pseudocele หรือ pseudocoelom มีระบบทางเดินอาหารและระบบสืบพันธุ์บรรจุเป็นส่วนใหญ่ ส่วนช่องว่างที่เหลือมีของเหลวบรรจุอยู่

พยาธิตัวกลม (Nematodes หรือ Roundworms)

พยาธิตัวกลม (Nematodes หรือ Roundworms)

หนอนพยาธิตัวกลม (roundworms) เป็นกลุ่มสัตว์หลายเซลล์ (metazoa) ที่ถูกจัดอยู่ใน phylum Nemathelminthes, Class Nematoda บางชนิดดำรงชีวิตอยู่เป็นอิสระ (free-living forms) ตามพื้นดิน แหล่งน้ำจืด และน้ำทะเล บางชนิดเป็นปรสิตของพืชอาศัยอยู่ตามส่วนต่างๆ เช่น รก ลำต้น เมล็ดพืช เป็นต้น และบางชนิดเป็นปรสิตของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และสัตว์มีกระดูกสันหลังรวมทั้งคนด้วย

หนอนพยาธิตัวกลมมีลักษณะทั่วไปดังนี้
1. ลำตัวมีลักษณะกลมยาว ส่วนใหญ่ปลายด้านหัวและหางมักเรียวแหลม ทำให้ดูมีรูปร่างคล้ายกระสวย (fusiform shape) บางชนิดอาจเรียวแหลมเพียงด้านเดียว ลำตัวไม่แบ่งเป็นปล้อง ไม่มีระยางค์ยื่นออกจากลำตัว
2. มีขนาดและความยาวแตกต่างกันไปในแต่ละชนิด ตั้งแต่เล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ได้แก่ Trichinella spiralis และ Strongyloides stercoralis เป็นต้น จนกระทั่งยาวได้มากกว่า 1 เมตร ได้แก่ Dracunculus medinensis
3. ผิวนอกสุดที่ปกคลุมลำตัวคือ cuticle
4. มีช่องว่างในลำตัว (body cavity) ซึ่งมีระบบทางเดินอาหารและระบบสืบพันธุ์บรรจุอยู่
5. มีระบบทางเดินอาหารที่สมบูรณ์
6. ระบบสืบพันธุ์พัฒนาสมบูรณ์เต็มที่ แยกเพศผู้และเพศเมียคนละตัว ซึ่งส่วนใหญ่ตัวเมียจะมีหางตรงและขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ ซึ่งมักมีหางงอ
7. ระบบขับถ่าย และระบบประสาทยังเจริญไม่สมบูรณ์ (rudimentary)
8. ไม่มีระบบไหลเวียนของโลหิต (circulatory system)


วงจรชีวิตของปรสิต : การวินิจฉัย : การป้องกัน : ชื่อทางวิทยาศาสตร์

วงจรชีวิตของปรสิต
    ปรสิตแต่ละชนิดมีวงจรชีวิตแตกต่างกัน บางชนิดมีวงจรชีวิตที่ง่ายไม่ต้องอาศัยโฮสต์กึ่งกลาง บางชนิดมีวงจรชนิดที่ซับซ้อนต้องอาศัยโฮสต์กึ่งกลาง จึงจะทำให้วงจรชีวิตสมบูรณ์ได้

การวินิจฉัย
    1. วินิจฉัยจากประวัติและอาการแสดงของโฮสต์
    2. วินิจฉัยโดยการตรวจพบไข่ ตัวอ่อน หรือตัวพยาธิจากอุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ เลือด น้ำไขสันหลัง และชิ้นเนื้อของโฮสต์
   3. วินิจฉัยจากการตรวจทาง อิมมิวโนวิทยา

การป้องกัน
    1.ให้สุขศึกษาและความรู้เกี่ยวกับปรสิตแก่ประชาชน
    2. ควรดื่มน้ำที่สะอาดและรับประทานอาหารที่สุกแล้ว
    3. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
    4. ทำลายตัวนำโฮสต์กึ่งกลาง
    5. ทำลายแมลงนำโรคต่าง ๆ
    6. ให้การรักษาทุกคนในท้องถิ่นที่ปรสิตระบาด

การเรียกชื่อทางวิทยาศาสตร์
    เราจัดปรสิตเป็นหมวดหมู่ตาม Phylum, Class, Order, Family, Genus และ Species ชื่อปรสิตแต่ละชนิดประกอบด้วย genus ซึ่งขึ้นต้นด้วยตัวอักษรตัวใหญ่ และตามด้วยชื่อ species ซึ่งขึ้นต้นด้วยอักษรตัวเล็ก เช่น พยาธิไส้เดือนกลม มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ascaris lumbricoides ให้ขีดเส้นใต้คำ genus และคำ species หรือพิมพ์ด้วยอักษรตัวเอนดังนี้ Ascaris lumbricoides

ปรสิตที่มีความสำคัญทางการแพทย์ มี 3 แขนงด้วยกัน

1. พยาธิโปรโตซัวทางการแพทย์ (Medical Protozoology) เป็นสัตว์เซลล์เดียว
2. ปรสิตหนอนพยาธิทางการแพทย์ (Medical Helminthology) ที่สำคัญมี 3 ไฟลัม (phylum) คือ
2.1 Phylum Nematoda พยาธิตัวกลม หรือ roundworms
2.2 Phylum Platyhelminthes พยาธิตัวแบน แบ่งออกเป็น
- Class cestoidea พยาธิตืดหรือ tapeworms
- Class trematoda พยาธิใบไม้ หรือ  flukes
2.3 Phylum Acanthocephala
3. สัตว์ขาข้อที่มีความสำคัญทางการแพทย์ (Medical Arthropods)

วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การเข้าสู่ร่างกายของปรสิต : การทำให้เกิดอันตรายต่อโฮสต์

การเข้าสู่ร่างกายของปรสิต
1. ทางปาก โดยโฮสต์กินระยะติดต่อของปรสิตเข้า่ไป เช่น โรคพยาธิไส้เดือน โรคพยาธิใบไม้ตับ
2. ทางผิวหนัง หรือการไช ได้แก่ โรคพยาธิปากขอ, โรคพบาธิใบไม้เลือด
3. ทางหายใจ ได้แก่ พยาธิ Enterobius vermicularis
4. ทางสืบพันธุ์ หรือ การร่วมประเวณี เช่น Trichomonas vaginalis
5. ทางรก โดยการติดต่อจากแม่ไปสู่ลูก เช่น โรคไข้มาลาเรีย โรค Toxoplasmosis

การทำให้เกิดอันตรายต่อโฮสต์
    การทำให้เกิดโรคต่อโฮสต์ของปรสิตนั้นขึ้นอยู่กับ
1. ชนิดของปรสิต บางชนิดทำให้เกิดโรค บางชนิดไม่ทำให้เกิดโรค
2. ขนาดของปรสิต ขนาดใหญ่ทำให้เกิดอันตรายต่อโฮสต์ได้มากกว่าขนาดเล็ก
3. จำนวนปรสิต ถ้ามีมากทำให้เกิดอันตรายได้มาก
4. อวัยวะของโฮสต์ที่ปรสิตอาศัยอยู่ อวัยวะสำคัญจะมีอันตรายมาก เช่น หัวใจ สมอง
5. ภูมิคุ้มกันของโฮสต์ ส่วนมากโฮสต์จะมีภูมิคุ้มกันต่อปรสิตที่เข้าสู่โฮสต์และภูมิคุ้มกันนี้อาจลดความรุนแรงของโรค หรือ อาจทำลายปรสิตนั้นได้

ความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์และปรสิต (Host-parasite relationships)

ความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์และปรสิต (Host-parasite relationships)
ในทางการแพทย์จะหมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์ ซึ่งในที่นี้คือคน และปรสิตที่เข้ามาอาศัยอยู่ในคนทั้งที่อาจจะก่อโรคและไม่ก่อโรคก็ได้
1. Host-parasite specificity คือ ความจำเพาะในการเลือกโฮสต์ของปรสิตบางชนิดอาศัยอยู่ได้ในคน บางชนิดอาศัยอยู่ได้ในสัตว์ชนิดหนึ่ง ๆ เท่านั้น ถ้าเข้าไปอยู่ในโฮสต์ต่างชนิดก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เช่น พยาธิตืดวัวเป็นพยาธิในลำไส้ของคนเท่านั้น บางชนิดอาจอยู่ได้ทั้งในคนและสัตว์ เช่น พยาธิตืดหมูเป็นพยาธิในลำไส้ของคนและลิงได้ด้วย
    การเลือกชนิดโฮสต์นี้เกิดขึ้นทุกระยะ (stage) ในวงจรชีวิตของปรสิตนั้นๆ เช่น ตัวอ่อนระยะติดต่อของพยาธิตืดวัวจะพบในวัวควายเท่านั้น นอกจากนี้พยาธิแต่ละชนิดยังมีความจำเพาะต่ออวัยวะที่จะไปอยู่อาศัยด้วย (organ specificity) เช่น ตััวเต็มวัยพยาธิตืดพบในลำไส้ของคน พยาธิใบไม้ปอดอาศัยอยู่ในปอด พยาธิใบไม้เลือดอยู่ในเส้นเลือด
II. Parasitic infection (การติดเชื้อปรสิต) คือการที่ปรสิตเข้าสู่ฮสต์ ในที่นี้หมายถึงคน แล้วมีการเจริญเติบโต และอาศัยอยู่ในโฮสต์ต่อไปได้

การติดเชื้อปรสิตเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีปัจจัยต่อไปนี้
1. แหล่งที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อปรสิต (sources of infection)
- แหล่งแพร่เชื้อคือ คนหรือสัตว์ที่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อปรสิตสู่สิ่งแวดล้อมได้แก่
ผู้ที่ติเชื้อและปรากฏอาการของโรค (patient) ผู้ที่มีการติดเชื้อแต่ไม่มีการแสดงของโรค (Carriers) และโฮสต์กักตุน (reservoir host)
- ดิน น้ำ หรือสิ่งแวดล้อมที่มีปรสิตอยู่
- อาหารหรือน้ำดื่มที่มีการปนเปื้อนของปรสิต
- แมลงที่เป็นพาหะนำโรค
2. ระยะติดต่อ (infective stage) คือ ระยะใดระยะหนึ่งของปรสิต ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายโฮสต์แล้วสามารถเจริญ และมีการพัฒนาต่อไปตามขั้นตอนของวงจรชีวิตนั้นได้ ส่วนใหญ่แล้วระยะติดต่อไม่ใช่ระยะก่อโรคแก่ฮสต์ แต่มักเป็นระยะตัวเต็มวัยในกลุ่มของหนอนพยาธิหรือระยะทรอโฟซอยท (trophozoite) ในพยาธิโปรโตซัว เช่น พยาธิตืดวัว มี Cysticercus bovis เป็นระยะติดต่อ แต่ตัวเต็มวัยของพยาธิเป็นระยะที่ก่อโรค

การจัดกลุ่มปรสิตอาจจัดตามลักษณะทางชีวภาพและสรีรวิทยาของปรสิตได้ดังนี้

 การจัดกลุ่มปรสิตอาจจัดตามลักษณะทางชีวภาพและสรีรวิทยาของปรสิตได้ดังนี้
1. Obligate parasite คือ ปรสิตที่จำเป็นต้องอาศัยอยู่กับโฮสต์ตลอดเวลา ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่เป็นอิสระนอกร่างกายโฮสต์ได้ เช่น พยาธิปากขอ พยาธิตืด และพยาธิชนิดต่างๆ
2. Facultative parasite คือ ปรสิตที่สามารถเจริญเติบโตแพร่พันธุ์ได้ทั้งในร่างกายโฮสต์ และสามารถดำรงชีวิตอยู่เป็นอิสระและมีการแพร่พันธุ์นอกร่างกายโฮสต์ได้ เช่น พยาธิสตรองจิลอยด์ (Strongylodies)
3. Accidental parasite คือ ปรสิตที่เข้าไปอยู่ในโฮสต์ซึ่งไม่ใช่โฮสต์ปกติของพยาธิชนิดนั้นๆ แต่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน เช่น พยาธิตัวจี๊ดซึ่งพลัดเข้ามาอยู่ในคนและอาศัยอยู่ได้นานเป็นปี ๆ
4. Opportunistic parasite คือ ปรสิตซึ่งปกติไม่ก่อให้เกิดโรคในคน แต่สามารถปรับตัว และก่อให้เกิดโรคในคนได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือภาวะการเป็นโรคเรื้อรัง เช่น พยาธิโปรโตซัวในกลุ่ม Coccidia
5. Temporary parasite คือ ปรสิตที่ไปอาศัยอยู่กับโฮสต์ชั่วคราวเพื่อหาอาหารซึ่งมักเป็นพวก ectoparasite เช่น ตัวเรือด (bed bug)
6. Permanent parasite คือ ปรสิตที่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในโฮสต์ตลอดอายุขัยซึ่งก็คล้ายกับ Obligate parasite
7.Pseudoparasite คือ สิ่งใดๆ ก็ตามที่มองดูด้วยตาเปล่าหรือตรวจพบด้วยกล้องจุลทรรศน์มีลักษณะคล้ายปรสิต แต่ไม่ใช่ปรสิต เช่น เศษผักที่ดูคล้ายตัวพยาธิ เซลล์พืช (vegetable cell) ที่ดูคล้ายไข่พยาธิ ฟองอากาศหรือเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ดูคล้ายซีสต์ของพยาธิโปรโตซัว

การจัดกลุ่มปรสิตตามตำแหน่งที่พบในร่างกายโฮสต์ (Habit)

การจัดกลุ่มปรสิตตามตำแหน่งที่พบในร่างกายโฮสต์ (Habit) จัดได้เป็น 3 ชนิดคือ
1. Ectoparasite คือ ปรสิตที่อาศัยอยู่ตามผิวนอกของร่างกายโฮสต์ได้แก่ ผม ขน และผิวหนัง เช่น เหาที่อาศัยอยู่ที่เส้นผมบนศรีษะ เป็นต้น
2. Endoparasite คือ ปรสิตที่อาศัยอยู่ในอวัยวะต่างๆ ของ โฮสต์ เช่น ปอด ลำไส้ ตับ เป็นต้น ได้แก่ พยาธิชนิดต่างๆ
3.Intra-cellular parasite คือ ปรสิตที่จะมีการเจริญเติบโตและพัฒนาไปตามวงจรชีวิตได้จำเป็นต้องเข้าไปอาศัยอยู่ในเซลล์ของโฮสต์ เช่น มาลาเรีย (Malaria) และลิชมาเนีย (Lesishmania) เป็นต้น